ตถตา

ตถตา

บทความที่ได้รับความนิยม

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ร้อยคติธรรม (คัดจากข้อธรรมของพุทธทาสภิกขุ)

1.     ตราบใด ที่ยังมีผู้ประพฤติตนอยู่โดยชอบไซร้ โลกจะไม่ว่างจากพระอรหันต์
2.     ความทุกข์ นั้นมีอยู่ แต่บุคคลผู้เป็นทุกข์หามีไม่
3.     การปฏิบัติธรรม เป็นการกระทำทางจิต หมั่นภาวนาให้เกิดมียิ่งๆ ขึ้น, เมื่อทดลองฝึกจิต ทำความรู้สึกในใจให้รัก เช่น รักบิดา มารดา รักครูบาอาจารย์ รักผู้ที่มีพระคุณ รักสามี ภรรยา บุตร ธิดา รักพี่น้อง รักเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตายทั้งหลาย เมื่อเฝ้าฝึกทุกวันตลอดเวลา ก็จะรักเข้ากระดูกดำ
ตรงข้าม ถ้าฝึกเกลียดก็จะเกลียดเข้ากระดูกดำเหมือนกัน นี่แหละการปฏิบัติธรรมนั้นก็ต้องกระทำทางจิต ทางความคิด
เพราะฉะนั้น จึงจำเป็นต้องเป็นต้องหมั่นศึกษา ฝึกฝน อบรม บ่มนิสัย ให้เรียนรู้ รับรู้สิ่งที่ถูกต้อง จนเกิดความเห็นชอบ คือ สัมมาทิฏฐิตลอดเวลา ก็จะเกิดความคิด ความดำริถูกต้อง พูดจาถูกต้อง เลี้ยงชีพถูกต้อง พากเพียรพยายามถูกต้อง มีสติระลึกถูกต้อง และมีความตั้งมั่นจิตถูกต้อง.
ความถูกต้องทั้ง ๘ ประการนี้แหละที่เป็นหนทางสายกลางอันประเสริฐ สำหรับดำเนินไปได้จนถึงจุดหมายคือความดับไม่เหลือแห่งทุกข์โดยสิ้นเชิงเป็นการถึงที่สุดแห่งความทุกข์ อนฺโต ทุกขสฺสะ.
การเอาชนะกิเลสและชนะความทุกข์ได้ นั่นเป็นธรรมะที่เป็นผลของการปฏิบัตินั่นเอง.

4.     ธรรมะของพระพุทธเจ้านั้น มิได้มีไว้ให้คนฝันหรือหวังอะไรลมๆ แล้งๆ เลย ธรรมะของพระพุทธเจ้ามีไว้สำหรับให้คนเอาชนะความทุกข์ได้ที่นี่และเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องรอต่อตายแล้ว แล้วมีชีวิตอยู่ในโลกด้วยชัยชนะ เป็นทุกข์กับใครไม่เป็น แม้จะดื่ม กิน อาบ ถ่าย ใช้สอย ทำหน้าที่การงานติดต่อ พูดจา สนทนา ช่วยเหลือใครอยู่ทุกวัน ก้มีชีวิตอิสระเยือกเย็นแสนจะเย็นเป็นพระนิพพาน เป็นสุญญตาวิหารที่มีสติสัมปชัญญะ มีเมตตา กรุณา และปัญญา เป็นปกติของชีวิต.
5.     อริยสัจ ๔ หรือ จตุอาริยสัจนั้น เป็นทั้งปรัชญา เป็นทั้งทฤษฎี และเป็นทั้งการปฏิบัติรวมกัน คือทฤษฎีนี้ก็เพื่อปฏิบัติ และการปฏิบัติก็ต้องปฏิบัติตามทฤษฎีที่ถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์ทุกขั้นตอนคืออริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ สมานสามัคคีกัน อันเรียกว่าไตรสิกขา หรือ ศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อมุ่งหน้าหมั่นปฏิบัติภาวนาให้มีมากขึ้นๆ ก็จะเกิดความรู้ ความเข้าใจแจ่มแจ้งแทงตลอด จึงดับทุกข์สิ้นปัญหาได้ ดังนั้น อรยสัจ ๔ จึงมีผลเป็นความดับทุกข์ได้แท้จริง.
6.     เมื่อไม่รู้อะไรเป็นอะไร เลยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ? โลกจึงสับสนวุ่นวาย แก้ปัญหาจนกว่าจะตาย คล้ายจับปูใส่กระด้ง ไม่มีที่สิ้นสุด.
7.     ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องรู้
สมุทัย   เหตุเกิดทุกข์ เป็นสิ่งที่ต้องละ
นิโรธ    ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นสิ่งที่ต้องทำให้แจ้ง
อริยมรรคมีองค์ ๘ ประการ หนทางทำให้ถึงซึ่งความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ ต้องภาวนาหรือพัฒนาให้เจริญมากขึ้น ให้เกิดมียิ่งๆ ขึ้นตลอดเวลา.
8.     ทฤษฎีแม้ถูกต้องสิ้นเชิง หากไม่มีการประพฤติ ปฏิบัติ ก็ไม่มีผลให้ดับทุกข์ได้.
9.     ธรรมะนั้น มีไว้สำหรับแก้ปัญหาของมนุษย์ได้ทุกอย่าง ไม่ว่าการเมือง เศรษฐกิจ การทหาร การปกครอง  แม้การแบกกระสอบข้าวสาร ฯลฯ
ถ้าไม่นำเอาธรรมมะมาแก้ปัญหา เราจะมีธรรมะไปทำไมกัน ?
ธรรมะนั้นแก้ปัญหาได้ โดยไม่ต้องใช้อาชญา.
10.   ยุคที่ยุ่งยากที่สุด คือยุคที่รัฐบาล และเจ้าหน้าที่ต้องอาศัยประโยชน์จากอบายมุข
นั่นคือการทำให้เกิดและพัฒนาสนิมขึ้นในเนื้อเหล็ก ประชาชนจะถูกกัดกร่อนจนพินาศไปโดยไม่รู้ตัว
นี่เป็นผลมาจากการเมืองที่ไม่มีธรรมะ การเมืองจึงสกปรก สร้างความทุกข์
ถ้าการเมืองประกอบด้วยธรรมะ ก็จะเป็นการเมืองสะอาด สมกับคำว่าการเมือง คือการจัดการ การกระทำให้มนุษย์ในโลกอยู่ด้วยกันได้ด้วยความสงบ ผาสุก.
11.   การเสียสละที่แท้จริง ถ้าทำได้ ต้องไม่ให้ใครรู้ การประพฤติปฏิบัติที่แท้จริง ก็ควรจะไม่ให้ใครรู้ ไม่ต้องให้ใครชม พยายามว่อนไว้ พยายามสละด้วยความบริสุทธิ์ใจ ปฏิบัติด้วยความบริสุทธิ์ใจแล้วก็ ยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น
ถ้าทำได้อย่างนี้ ไม่เท่าไรก็จะมีความก้าวหน้าสูงสุดในการปฏิบัติธรรม อะไรที่ทำยาก ยิ่งเป็นทางทำให้บรรลุธรรมได้เร็ว ได้สูงและลึก.
12.  ชีวิต เป็นตัวการงานอยู่ในตัวชีวิตหรือเป็นการต่อสู้อยู่ในตัวชีวิต
การงานหรือการต่อสู้นั้น ก็เป็นการปฏิบัติธรรมอยู่ในตัวมันเอง
การทำงานด้วยความเสียสละ “เสียสละ” นั้นก็เป็นตัวธรรมะสูงสุดอยู่แล้ว
แล้วทำงานอย่างไม่มีตัวกู - ของกู ก็เป็นความจริง สิ้นสุดกันเท่านั้นเอง.
13.  ความรัก เพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย คือ ฐานรากของธัมมิกสังคมนิยม “รักผู้อื่น โลกจะประสบสันติภาพ”
14.  ทุกศาสนา ล้วนแต่บอกวิธีการณ์เพื่อความรอด ตามวิธีของตนๆ.
15.  ธรรมสูงสุดของโลกมนุษย์ คือ ความไม่เห็นแก่ตัวกู – ของกู.
16.  สุขหรือทุกข์ ขึ้นอยู่กับการกระทำ ถูกหรือผิดต่อกฎของอิทัปปัจจยตา.
17.  สิ่งที่หลอกลวงเรามากที่สุด คือสิ่งที่เรียกว่า “ความสุข”.
18.  มีเรามีเขา ก็ไม่ใช่ชาวพุทธ ถ้าเป็นมนุษย์ ก็ต้องรักผู้อื่น
จิตที่คิดจะให้ เป็นสุขกว่าจิตที่คิดจะเอาเป็นไหนๆ.
19.  รักผู้อื่น โลกจะประสบสันติภาพ ตรงข้ามถ้ามนุษย์ไม่รักกัน มันจะนำไปสู่มิกสัญญี ถ้าทำพิธีทางศาสนา ก็ต้องปฏิบัติศาสนา คือทำให้มนุษย์รักกัน.
20.  ระบบการปกครองชนิดไหนก็ตาม ถ้าไม่มีธรรมะ มันจะเชือดคอตัวเองทั้งนั้น ถ้ามีธรรมะแล้วเผด็จการก็ยังมีประโยชน์และไม่สร้างปัญหา มิหนำซำ้ยังแก้ปัญหาต่างๆ ที่กำลังเผชิญกันอยู่ได้อย่างรวดเร็วกว่าระบบคลานงุ่มง่ามและแถมยังไม่มีธรรมะด้วย เผด็จการโดยธรรมนั้น มิใช่เผด็จการนาซี เผด็จการฟาสซีสต์ เผด็จการคอมมิวนิสต์ หรือเผด็จการทรราชย์ หากแต่เป็นเผด็จการโดยธรรม เผด็จการด้วยความรัก เป็นเผด็จการโดยวิธีการ แบบพระเจ้าอโศกมหาราช แบบบิดา มารดา เผด็จการกับบุตรธิดา ด้วยความรักอย่างแท้จริง เผด็จการไม่ยอมให้ทำผิด ทำชั่ว เผด็จการให้ทำแต่ความดี ความถูกต้อง ก็ไปได้เร็วเท่านั้นเอง จะมีปัญหาอะไร ?
21.  ขอให้เด็กๆ มีการศึกษากันอย่างสมบูรณ์แบบเถิด หนังสือก็รู้และเฉลียวฉลาดในอาชีพ แล้วก็รู้ธรรมะอย่างถูกต้อง ว่าจะเป็นมนุษย์กันอย่างไรจึงจะไม่มีวิกฤตการณ์ อย่างนี้มิใช่ความฝัน แต่เป็นสัจจะธรรมความเป็นจริงที่นำมาปฏิบัติจนเกิดประโยชน์สุขได้
22.  พระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ ๕ ได้ทรงตรัสเมื่อจัดการศึกษาแผนใหม่ กันสมเด็จกรมพระยาวชิรญาณวโรรส ผู้ช่วยจัดว่า “ต่อไปนี้มันจะโกงกันอย่างวิตถาร เมื่อมันรู้หนังสือแบบใหม่ มันเฉลียวฉลาดแล้ว มันจะโกงกันอย่างวิตถาร” นี่แหละการศึกษาที่ไม่มีธรรมะควบคุม มันก็เป็นอย่างนี้ จึงต้องระวังเทคโนโลยี วัตถุนิยมแผนใหม่ที่กำลังยัดเยียดให้เยาวชน อย่าให้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวกันไปเสียเลย
23.  ธรรมะ คือระบบของการประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้องอย่างครบถ้วนทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการของมนุษย์ เพื่อความผาสุกและประโยชน์เกื้อกูลทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น
24.  ธรรมะ คือความถูกต้องตามกฎของธรรมชาติอย่างเฉียบขาด มิใช่มนุษย์จะมากำหนดเอาว่า อย่างนี้ถูกต้อง อย่างนั้นไม่ถูกต้อง
25.  ธรรมะ คือหน้าที่ที่ต้องทำความถูกต้อง เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตไว้ให้ผาสุกทุกขั้นตอนแห่งวิวัฒนาการของมนุษย์
ความเป็นมนุษย์ คือความเป็นผู้มีใจสูง มีความถูกต้องเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตไว้ทุกขั้นตอน
26.  ธรรมะหรือศาสนา ที่ถูกต้องแท้จริง แก้ปัญหาได้ทุกอย่าง ทำให้มนุษย์แต่ละคนตลอดจนคนทั้งโลก ให้มีความเป็นอยู่อย่างสงบผาสุกสดชื่น แจ่มใส เบิกบาน อิสระ เยือกเย็นแสนที่จะเย็นตลอดกาลนาน
27.  ธรรมะ คือธรรมชาติของทุกสิ่ง ไม่ยกเว้นอะไรหมด
ธรรมชาติทั้งหลายนั้นมีกฎอยู่ในตัว และมีหน้าที่ที่ต้องทำตามกฎนั้น แล้วบังเกิดผลขึ้นมาจากการกระทำด้วย
28.  ธรรมะ คือพระเจ้า ไม่มีการหลั่งเลือด เป็นระบบการเมืองของพระเจ้า
29.  อุดมคติ ของคำว่า การเมือง หมายความว่า การจัดการ การกระทำอันนำให้บังเกิดความสงบผาสุก ขี้นในบ้านเมือง
30.  การศึกษาธรรมะอย่างปรัชญา จะไม่มีวันรู้ธรรมะและศาสนาที่แม้จริง ที่สามารถดับความทุกข์ได้ ไม่ว่าจะเกิดตายสักกี่ครั้ง รีบหันมาศึกษา ก. ข. ก. กา. ของพุทธศาสนา คือเรื่อง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ พิสูจน์จิตเราเองดีกว่า ดีกว่าเสียเวลาไปพิสูจน์ผู้อื่น ก็รู้จักศาสนาและธรรมะจนดับทุกข์ได้
31.  จิตในระดับสัตวศาสตร์ ในระดับไสยศาสตร์ ในระดับพุทธศาสตร์ ท่านประสงค์จิตในระดับใด ถ้าท่านไม่ยอมแพ้ ท่านจะมีชัยชนะ และประกาศอิสระภาพ มีจิตอยู่เหนือโลก เหนือความทุกข์ทั้งปวง
32.  ปฏิบัติธรรม คือ ยอดศิลปะอันจำเป็นสำหรับชีวิตมนุษย์
33.  ปฏิบัติธรรม เป็นการทำให้ชีวิตเป็นสุข ชนิดแท้จริง
ปฏิบัติธรรม เป็นการปฏิบัติของดวงใจ
ปฏิบัติธรรม ในขั้นสูง คือการตีแตกในปัญหาของชีวิต
34.  อวิชชา ทำมนุษย์ให้กลัวต่อความสุขที่แท้จริง
สุขที่แท้จริง คือความสงบเยือกเย็นเห็นใจ
35.  มรรคผล เป็นของสำหรับมนุษย์ทุกคน
มรรคมีองค์ ๘ ประการ เป็นหลักแห่งการครองชีพได้ทุกชนิด
36.  พระพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสว่า สาวกผู้บากบั่นในปฏิบัติ เป็นผู้งดงามที่สุด
37.  ปฏิบัติธรรม เป็นการทำประโยชน์ให้สากลโลก
38.  เมื่อมีความเลื่อมใส นับถือ พอใจ และเคารพตัวเอง จนยกมือไหว้ตัวเองได้ เมื่อนั้นเป็นสวรรค์ทันที จะมีปีติและสุขยิ่งกว่าคนทั้งโลกยกมือไหว้
39.  การปฏิบัติหน้าที่ คือการปฏิบัติธรรม การงานคือการปฏิบัติธรรม
40.  ความสุขที่แท้จริง มีเมื่อกำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง จึงสนุกและเป็นสุขเมื่อกำลังทำงาน
41.  ธรรมะ คือหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตทุกระดับ ชีวิตทั้งหลายจึงต้องปฏิบัติหน้าที่ นับตั้งแต่เทวดา มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ใบหญ้า และพืชทั้งหลาย
42.  ธรรมะ คือการทำหน้าที่ของสิ่งมีชีวิตทุกระดับ สิ่งมีชีวิตทุกระดับต้องทำหน้าที่เพื่ออยู่รอดปลอดภัย
43.  ธรรมะ ทำให้อยู่รอด การทำงานให้อยู่รอดเรียกว่าธรรมะ การงานจึงเป็นการปฏิบัติธรรมของสิ่งมีชีวิตทุกระดับ นับตั้งแต่ต้นไม้ใบหญ้าหรือผีเสื้อที่เที่ยวดูดน้ำหวานตามเกษรดอกไม้
44.  ธรรมะ คือความถูกต้อง การเมืองที่เนื่องด้วยธรรมะ จึงทำให้มนุษย์ทั้งหลายอยู่กันเป็นผาสุก มิฉะนั้นจะเป็นการเมืองสกปรกนำความเดือดร้อนทุกข์ทรมานให้เกิดขั้นแล้วก็แก้ไขอะไรไม่ได้
45.  ความถูกต้องคือธรรมะ เศรษฐกิจที่ไม่มีธรรมะ จะแก้ไขปัญหาของโลกไม่ได้ เศรษฐกิจที่ไม่มีธรรมะนั้นเป็นผี จะเอาผีมาแก้ผี เอาน้ำโคลนมาล้างขี้โคลนจะทำได้อย่างไร จึงต้องเอาธรรมะมาแก้ ปัญหาทั้งหลายจึงจะหมดลงได้
46.  ถ้าไม่ถูกต้องทางร่างกาย การดื่ม การกิน การอาบ การถ่าย ผม ขน หนัง ฟัน เล็บ ปอด หัวใจ ตับ ไต ใส้กระเพาะ ฯลฯ ถ้าทำหน้าที่ผิดพลาดไม่ถูกต้องตามระบบ ก็อยู่ไม่ได้ ยิ่งทางจิตใจ ถ้าไม่ถูกต้อง ตั้งจิตไว้ผิด ก็จะเข้าใจผิด คิดผิด พูดผิด ทำผิด แล้วเป็นโรคประสาทโรคจิต วิกลจริต จิตใจจะสับสน วุ่นวาย ระส่ำระสาย ไหวหวั่น จนกระหายจะวิตกกังวล จะหวาดผวาจนเป็นบ้า ฆ่าตัวตาย
ชีวิตจึงต้องการความถูกต้อง คือธรรมะเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงชีวิตไว้ให้ครบถ้วน จึงมีความเต้มเปี่ยมของความเป็นมนุษย์ ทำหน้าที่เพื่อประโยชน์ของหน้าที่ มีความสงบสุขและมีความรักปรารถนาดีต่อเพื่อร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
47.            ถ้าศีลธรรมกลับมา โลกาจะสว่างไสว
         ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ
ถ้าปรมัตถธรรมระบาด โลกธาตุจะสงบเย็น
48.   สิ่งทั้งปวงย่อมเกิดมาแต่เหตุ พระตถาคตย่อมแสดงแหตุของสิ่งเหล่านั้น พร้อมทั้งความดับของสิ่งเหล่านั้น เพราะดับไปแห่งเหตุพระศาสดาของข้าพเจ้า มีปกติกล่าวอย่างนี้
49.  แผ่นดินธรรม นำให้เกิดแผ่นดินทอง ถ้าประสงค์แผ่นดินทองต้องทำให้เกิดแผ่นดินธรรมที่แท้จริง
50.  การกระทำผิดนั้น จะกัดเอาผู้กระทำให้เจ็บปวด ที่เรียกว่า “ความทุกข์” สมเด็จพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า “แต่ก่อนนี้ก็ดี เดี๋ยวนี้ก็ดี ตถาคตบัญญัติแต่เรื่องทุกข์ และการดับไม่เหลือแห่งทุกข์เท่านั้น”
51.  เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนาแล้ว จึงเป็นหน้าที่ที่จะต้องศึกษา ปฏิบัติตนให้เข้าถึงพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงเพื่อหลุดพ้นจากความเป็นปุถุชนให้ได้ แล้วมุ่งหน้าชี้ทางอันมีคุณค่าต่อชีวิตอย่างล้นเหลือนี้ ให้แก้ผู้อื่นที่ควรจะรู้ต่อไป เป็นการอนุรักษ์ความเต็มเปี่ยมของคุณธรรมอันประเสริฐ ตามหลักะรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ เพื่อความสุข และประโยชน์เกื้อกูลแก่มหาชนทั้งหลาย ทั้งเทวดาและมนุษย์
52.  พระศาสดาทั้งหลาย ยอมสละชีวิตเพื่อให้มนุษย์เฉลียวฉลาดยิ่งขึ้นอย่างถูกต้อง และบริสุทธิ์จนสามารถดับทุกข์ได้
53.  พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ฮินดู และซิกส์ ที่ไม่แท้ ก็คือผู้ถือประโยชน์จึงทะเลาะ วิวาท ฆ่าฟันกัน
54.  พุทธ คริสต์ อิสลาม พราหมณ์ฮินดู และซิกส์ ที่แม้ จึงอยู่เหนืออิทธิพลของประโยชน์ อย่าให้ถูกคล้องด้วยประโยชน์เลย เพราะจะทำแต่ความผิดศีลธรรม แล้วกระทำโลกให้พินาศในที่สุด
55.  ผู้มีอำนาจขาดศีลธรรม จำนำมนุษย์ไปสู่ไฟนรก ศีลธรรมนั้นมีเพื่อวิวัฒนาการของมนุษย์ที่สูงขึ้น
56.  มนุษย์เดี๋ยวนี้ เกิดมาเพื่อความก้าวหน้าทางวัตถุ! เป็นทาสของวัตถุ และก็มีจิตทรามเพราะไม่รู้จักศาสนาที่ถูกต้อง จึงกลายเป็นโรคประสาท โรคจิต วิกลจริต จิตใจวิปริตเพราะต้องวุ่นวายตลอดเวลา
57.  ที่ไม่อิ่มปากอิ่มท้อง เพราะมีศาสนาไม่ถูกต้อง
อิ่มปากแน่นท้องจนเป็นโรค เป็นประสาท โรคจิต วิกลจริต เพราะมีศาสนาไม่ถูกต้อง
ศาสนาหรือธรรมะที่ถูกต้องแท้จริงนั้นแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง ทำมนุษย์แต่ละคนตลอดจนคนทั้งโลกให้มีความผาสุก สงบร่มเย็นตลอดกาลนาน
58.  ยิ่งเจริญทางวัตถุ จะยิ่งวินาศทางจิตใจและเป็นไปอย่างไม่รู้ตัว
59.  ยิ่งเจริญทางวัตถุ ทำไมยิ่งมากไปด้วยน้ำเน่า อากาศเป็นพิษ คนเป็นโรคประสาท โรคจิต วิกลจริต คอรัปชั่น อันธพาล โจรผู้ร้าย อาชญากร และทำลายล้างกันไปทั่วทั้งโลก
60.  ธรรมะ นั้น แก้ปัญหาได้ทุกอย่างโดยไม่ต้องใช้อาชญา ถ้าต่างพากันให้สัมมาทิฏฐิแก่ทารกตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ของมารดา, และมีบิดาที่มีสัมมาทิฏฐิ
61.  พุทธธรรมนำสุข เมื่อประพฤติตนตามพุทธธรรม
62.  อย่าหาเงินมา เพื่อทำลายตัวเองและครอบครัวให้ตกเป็นทาสของความชั่ว มีอบายมุขเลย
63.  หิริโอตัปปะ ขันติโสรัจจะ ทำให้มนุษย์เป็นเทวดา น่ารัก น่านิยม น่าเทิดทูน มีเสน่ห์ และดำเนินชีวิตได้ดังความปรารถนา เป็นที่สง่างดงาม
64.  ความละอาย เป็นสิ่งที่แก้ไขจิตลามกทั้งหมด
65.  จิตเป็นสิ่งที่บังคับได้ ชีวิตเป็นสิ่งที่ปรับปรุงได้
66.  ความทุกข์เป็นสิ่งที่ดับได้ ชีวิตเป็นสิ่งที่ทำให้เย็นได้ เป็นอิสระได้ ไม่ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของพรหมลิขิต
67.  ผัสสะ เป็นสิ่งที่ต้องรู้จักและควบคุม
-        ความทุกข์เกิดจากที่จิตเพราะเห็นผิดเมื่อผัสสะ
-        ความทุกข์จะไม่โผล่ ถ้าไม่โง่เมื่อผัสสะ
-        ความทุกข์เกิดไม่ได้ ถ้าเข้าใจเรื่องผัสสะ
68.  ชีวิตพัฒนา คือจิตตภาวนา จดจ่อ อบรมจิตให้อยู่ในภาวะถูกต้องตลอดเวลา จึงไม่เกิดปัญหาและยังสามารถแก้ปัญหาได้หมดสิ้น ชีวิตจึงสดชื่น แจ่มใส ไร้ความทุกข์ สะอาดบริสุทธิ์ดุจทองแท่งชมภูนุช สดใสไสวสว่างกว่าดวงอาทิตย์ และสงบเย็นเป็นอิสระชั่วนิรันดร์กาล บรรลุพระนิพพานเพราะมีธรรมะเป็นคู่ชีวิต
69.  รักษาศีล เพื่อเกิดที่จิตเป็นสมาธิ ปฏิบัติสมาธิ เพื่อเกิดเอกคตาจิตที่มีนิพพานเป็นอารมณ์
70.  รักษาศีล เพื่อเกิดสมาธิ ผู้มีจิตเป็นสมาธิแล้ว ย่อมมองเห็นสิ่งทั้งปวงตามความเป็นจริง แจ่มแจ้ง แทงตลอดพระนิพพาน
71.  สมาธิ วิปัสสนา กัมมัฏฐาน ที่ดับทุกข์ได้ มีอยู่แบบเดียว คือแบบของธรรมชาติที่พระพุทธเจ้าท่านทรงค้นพบ
72.  สภาวะของจิต ที่มีสติสัมปชัญญะ มีปัญญา กรุณา สงบเย็น เป็นอิสระไม่สับสน ไม่เร่าร้อน ถูกเผาลน เสียบแทง ผูกพัน ร้อยรัด ไม่กระหาย ไม่สงสัย ไม่หวั่นไหว ไม่วิตกกังวล ไม่ยึดถือร้ายหรือดี ไม่ต้องเป็น ไม่ต้องอยู่ ไม่ต้องตาย ไม่รู้จักเหนื่อยหน่าย และสิ้นอาสวกิเลสนั้น เป็นที่สุดของความทุกข์ จะเรียกว่าอยู่ในสภาวะพระนิพพาน หรือพระเจ้าก็ได้
73.  เพราะเห็นแจ้งใน อนิจจัง ทุกขัง และอนัตตา จึงมองเห็นว่า สัตว์ทั้งหลายล้วนเป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น แม้แต่ศัตรู คู่อาฆาตที่มีความทุกข์เพราะกิเลสและเพราะความเกิด แก่ เจ็บ ตายด้วยกันกับเรานั้น ก็แก้ไขความเป็นศัตรูให้หมดไปได้ แพราะชีวิตเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงและปรับปรุงได้ จึงเปลี่ยนศัตรูเป็นมิตรได้ โลกจะประสบสันติภาพเมื่อมนุษย์รักกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน รักผู้อื่นโลกจะประสบสันติภาพ มนุษย์จะอยู่กันเป็นผาสุก หมดทุกข์ สิ้นปัยหาด้วยสัมมาทิฏฐิ
74.  ผู้ที่เคารพหรือซื่อตรงต่อตัวเอง (ไม่ต้องพูดถึงต่อประชาชน, เพราะผู้ซื่อตรงต่อตนเอง ย่อมซื่อตรงต่อประชาชนเป็นธรรมดา) แม้โง่! ก็พบความบริสุทธิ์เร็วกว่าคนคดโกง แม้จะแสนฉลาด หาตัวจับไม่ค่อยได้
ทางโลก คนฉลาดตบตาคนได้ แต่ทางธรรมคนฉลาดตบตาพระธรรมไม่ได้! คนฉลาดทางโกงเช่นนี้ จะต้องอบตัวอยู่กับความสกปรกจนกว่าจะเข็ดหลาบ กลายเป็นคนซื่อตรงเสียก่อนจึงจะเข้าถึงความบริสุทธิ์ หรือพระธรรมนั้นได้
ความสุขบริสุทธิ์อันนั้น มีไว้สำหรับคนซื่อตรง
75.  พระพุทธเจ้า ท่านสอนว่า “จงเตือนตนด้วยตน” นี่ก้คือให้ช่วยตัวเอง ทำที่พึ่งให้แก่ตน
ถ้าไปพึ่งสิ่งอื่น อ้อนวอนให้สิ่งอื่นมาช่วย หรือมาคุ้มครองป้องกันนั้น มันงมงาย ตายด้าน เพราะเป็นไปไม่ได้ จิตจึงไม่เจริญรุ่งเรืองขึ้นไปจนถึงขนาดอยู่เหนือความทุกข์ได้
76.  บทบาทของศาสนิกชน จำเป็นต้องเริ่มแก้ปัญหาในตัวเอง อันเป็นเรื่องภายในก่อน แล้วจึงเขยิบออกไปภายนอกตนและสังคม ต่อเมื่อภายในเรียบร้อยและไร้ปัญหา เพราะรู้ปัญหาพร้อมวิธีแก้อย่างสมบูรณ์แล้ว จึงสามารถแก้ปัญหาของสังคมได้สำเร็จ แก้ไขวิกฤตการณ์ สร้างสันติภาพได้สำเร็จ
การแก้ปัญหาสังคม นอกจากวิธีนี้แล้ว จะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลย
ซึ่งวิถีทางหรือหนทางที่จะแก้ไข ก็มีอยู่อย่างถูกต้องครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ถ้ามองเห็น, เข้าใจ, และนำมาใช้ มนุษย์จะมีแต่สันติสุข โลกจะประสบกับสันติภาพดังความปรารถนา
จึงไม่ต้องเสียเวลาและอื่นๆ ประชุมสัมมนาและวิจัยอะไรให้มากนักนี่ก็เพราะไม่รู้อะไรเป็นอะไร เลยไม่รู้จะทำอย่างไร?
77.  ชีวิต ที่อยู่ในกรอบแห่งอริยมรรคธรรมก้ดี หรือจะหลุดจากขอบข่าย และอิทธิพลทั้งหลายในสังคมก็ดี ล้วนแต่เกิดจากเจตนารมณ์ของตนเองทั้งสิ้น มิได้ขึ้นอยู่กับลิขิตของฟ้าดิน
ชะตาชีวิต มิใช่ข้อชี้ขาดที่จะแก้ไขมิได้, จิตเป็นสิ่งที่บังคับได้ ชีวิตเป็นสิ่งที่ปรับปรุงได้ จะดีจะชั่วมิใช่ฟ้าดินจะบันดาลให้โดยมิได้คำนึงถึงเหตุผล ตัวเราเองต่างหากคือผู้กำหนดอนาคตของตนเอง ปุถุชน มักมองชีวิตว่า ถูกลิขิตมาแล้วแน่นอน ก่อนเกิดเสียอีก! ความจน ความรวย ความสูงศักดิ์ ความต่ำต้อย ความบุญมั่นขวัญยืนหรือไม่ ล้วนเกิดจากผลกรรม อันเป็นการกระทำที่ดีบ้าง ชั่วบ้างที่ตนเองได้สร้างสมไว้ ทัศนะคติที่มีต่อกรรมเช่นนี้แม้ถูกต้อง แต่ก็มิใช่ทั้งหมด
78.  ดูก่อนอานนท์ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาใด ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติชอบยิ่ง ปฏิบัติธรรมอยู่ ผู้นั้นชื่อว่า บูชาตถาคต ด้วยการบูชาอันสูงสุด
79.            “สิ่งนั้น” มีอยู่แน่ ภิกษุทั้งหลาย
“สิ่งนั้น” ไม่ใช่ดิน ไม่ใช่น้ำ ไม่ใช่ไฟ ไม่ใช่ลม ไม่ใช่อากาสานัญจายตนะ ไม่ใช่เนวสัญานาสัญญายตนะ ไม่ใช่โลกนี้ ไม่ใช่โลกอื่น ไม่ใช่ดวงจันทร์ ไม่ใช่ดวงอาทิตย์
ภิกษุทั้งหลาย ตถาคตไม่กล่าว “สิ่งนั้น” ว่าเป็นการมา การไป การหยุดอยู่ การเคลื่อน จากภพนี้ หรือการเกิดใหม่
“สิ่งนั้น” ไม่หยุดอยู่ ไม่เวียนไป ไม่มีอารมณ์เลย
“สิ่งนั้น” นั่นแหละคือ “ที่สุดของความทุกข์” “อนฺโตทุกขสฺสะ”
80.  “ทุกสิ่ง” เป็นธาตุตามธรรมชาติ ปรุงแต่ง เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่มีอะไรเลยที่เป็น “ตัวตน”
81.  จะรู้จักธรรมะหมดทุกข้อ ถ้าได้ศึกษาจากร่างกาย จิตใจของเราเอง
82.  เมื่อมีจิตเป็นสมาธิแล้ว ศีลจะมีอยู่เอง ปัญญาจะไหลออกมาเอง จนดับทุกข์ได้สิ้นเชิง
83.  ผู้มีศีล สมาธิ ปัญญา กลมกลืนกันอยู่ คือมรรคสมัคคีที่ดับทุกข์ได้ ผู้มีปัญญาจึงรักษาศีล ผู้มีศีลจึงมีสมาธิ ผู้มีสมาธิจึงมีปัญญายิ่งๆ ขึ้น จนสามารถดับทุกข์ เป็นอิสระ ชนะโลกได้
84.  ศาสนา เป็นเครื่องคุ้มครองโลกให้หมดปัญหา ทางอื่นไม่มีที่จะช่วยโลกให้หมดปัญหาและมีสันติภาพ นอกจากศาสนาที่แท้จริง
หัวใจพระธรรม ที่เป็นหัวใจของทุกศาสนา คือ “ความถูกต้อง” ทำให้มีความรักผู้อื่น บังคับความรู้สึกได้และทำงานสนุก เป็นสุขเมื่อทำงาน
เดี๋ยวนี้ความรักแพ้เงิน เศรษฐกิจล้มเหลว การเมืองสกปรก ผู้คนคอรัปชั่น อาชญากรเต็มคุก คนกำลังฆ่าฟันกันอย่างยุคมิคสัญญี ก็เพราะไม่สนใจศาสนา
85.  หัวใจของทุกศาสนา คือให้ทุกคนรักกัน เป็นมิตรกัน เมตตากรุณากันเป็นสหายที่ช่วยเหลือกัน ถ้ามนุษย์รักกัน โลกจะประสบสันติภาพ สหประชาชาติจะไม่ต้องกลายเป็นท้าวมาลีวราชที่มีงานล้นมืออยู่เสมอ งานที่ทำได้คืองานจับปูใส่กระด้งแล้วแก้ปัญหาด้วยการใช้พรรคพวก ใช้อำนาจและการเมืองสกปรก มนุษยชาติจึงหาสันติภพไม่พบ
86. ถ้ามนุษย์ไร้ศีลธรรมเสียแล้วจะเป็นอย่างไร?
ถ้าไม่มีศีลธรรม แม้ฉลาดก็โกง
ถ้าไม่มีศีลธรรม แม้เก่งก็โกง
ถ้าไม่มีศีลธรรม มีอำนาจก็โกง
ถ้าไม่มีศีลธรรม แม้ไม่มีอำนาจมันก็โกง
ถ้าศีลธรรมไม่กลับมา โลกาจะวินาศ
87.  ความสุขสนุกปลอม ทำให้เพลิดเพลิน จนหมดเนื้อหมดตัวและติดคุกติดตะรางได้ แต่ความสุขและสนุกที่แท้จริง เกิดเมื่อกำลังปฏิบัติงานที่ถูกต้อง ทำให้เกิดปิติสุขและเบิกบานแท้จริง
88.  ประโยชน์ของผู้อื่น ต้องเป็นหน้าที่ของเราด้วย
ถ้าอเมริกากับรัสเซียรักกัน โลกจะประสบสันติภาพดังปรารถนา
89.  ถ้ากินเก็บพอประมาณ ก็มีเหลือช่วยเพื่อนมนุษย์ที่ยากจนค่นแค้นได้
ถ้ารู้จักทศพิธราชธรรม ทั้งนายทุนและคอมมิวนิสต์ตลอดถึงอันธพาล จะไม่ก่อความวุ่นวาย เดือดร้อนให้แก่โลก
90.  ขยันขันแข็ง ขวนขวายหมั่นหามาให้มาก
     กินอยู่แต่พอดี เก็บรักษาไว้แต่พอดี
     ที่เหลือเอาไปช่วยผู้อื่น
91.  โลกเป็นของท่านหมดแล้ว ท่านจะทำอย่างไร?
ถ้าไม่รักผู้อื่น ไม่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ก็ถูกเกลียดชังและอยู่ไม่ได้!
92.  เมื่อคนเราอยู่คนเดียวในโลกไม่ได้ ต้องอยู่กันหลายคน จะทำอย่างไรจึงจะอยู่กันได้อย่างปกติสุข ถ้าไม่รักกัน ช่วยเหลือกัน ก็ต้องเดือดร้อน
93.  ชีวิตที่ปราศจากธรรมะ ชีวิตนั้นจะไม่เป็นสุข และพินาศไปในสุดท้าย
94.  วิทยุ โทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ และสื่อมวลชน ไม่ลงเรื่อง ไม่ลงข่าว ไม่ลงภาพ ที่เป็นข้าศึกแก่ศีลธรรม จะช่วยทำโลกให้สงบเย็นได้
95.  รักผู้อื่นเท่านั้น ปัญหาอาชญากรรมและปัญหาร้ายแรงจะหมดไปจากโลก รักผู้อื่นเท่านั้นจะมีศีลครบทุกข้อ
96.  สิ่งที่ควรหลีก  คือความชั่ว
สิ่งที่ควรกลัว  คือความผิดพลาด
สิ่งที่อุบาทว์   คือความขัดแย้ง
สิ่งที่ร้ายแรง  คือความเมา
สิ่งที่เบา       คือการปล่อยวาง
สิ่งที่เป็นแสงสว่าง     คือดวงปัญญา
สิ่งที่น่าปรารถนา       คือนิรามีสสุข
สิ่งที่หมดทุกข์          คือความดับ (กิเลส)
สิ่งที่เป็นความลับ      คืออวิชชา
97.        - ทั้งศาสนาและทั้งศีลธรรม เป็นสิ่งจำเป็นแก่คนเราทุกๆ คน และทุกประเภท
-        ศาสนามุ่งดับทุกข์ทางใจเฉพาะตน ต่างศาสนาก็ต่างกันตามทัศนะคือแต่ละศาสนากมีวิธีที่จะดับทุกข์ของตนด้วยกันทั้งนั้น
-        ศีลธรรม มุ่งดับทุกข์ส่วนรวมทางด้านสังคม มีทัศนะเป็นแนวเดียวกันหมด
-        พระพุทธศาสนา ไปได้ไกลกว่าศีลธรรมสากล คือถึงกับทำความดับทุกข์ พ้นทุกข์เด็ดขาด
-        พระพุทธศาสนา คือวิชาและวิธีปฏิบัติให้รู้อะไรเป็นอะไร คือรู้จนปฏิบัติถูกต้อง กระทั่งไม่เกิดความทุกข์จากสิ่งนั้น
-        ปฏิบัติพุทธศาสนา ก็คือวิชาเพื่อให้รู้จนทำลายกิเลสหมดไปในตัว
-        รู้อะไรเป็นอะไรจริง ก็ย่อมเกิดนิพพิทา เกิดวิราคะและวิมุติอัตโนมัติ
-        รู้อะไรถึงที่สุดนั้น คือรู้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีอะไรน่าผูกพัน น่าเข้าไปยึดถือไว้
-        หลักรู้อะไรเป็นอะไรนี้ เป็นคำจำกัดความที่พอเพียงแก่ผู้ประสงค์ศึกษา
-        คำสอนทั้งไตรปิฎก ล้วนแต่ระบุว่าอะไรเป็นอะไรทั้งสิ้น
98.  ศาสนามิใช่ยาเสพติด แต่เป็นยาพิษสำหรับกำจัดคอมมิวนิสต์ให้สิ้นซาก แล้วมากไปด้วยศีลธรรม
ศาสนามิใช่ยาเสพติด แต่เป็นยาพาสำหรับกำจัดนายทุนให้สูญสลาย แล้วกลายเป็นเศรษฐีผู้มีสีลธรรม



                        คอมมิวนิสต์
วิญญาณคอมมิวนิสต์ คือ การรวมตัวแห่งวิญญาณของชนกรรมาชีพ ที่งมงายในการทำตัวเองให้เกิดปมด้อย จนกระทั่งจมลงไปอยู่ในสภาพที่ต้องจำยอมในการทนรับการกดขี่ขูดรีดและเป็นพวกที่ไม่รู้เรื่องกรรมสัจจ์ คือกฎแห่งกรรม เอาเสียเลย จึงถูกลวงด้วยอุดมคตินั้นๆ ได้โดยง่าย
คอมฯ ชั้นหัวหน้า ก็ไม่ยอมมอง, หรือมองไม่เห็นความบกพร่องของศีลธรรมทางอบายมุข, และการขวนขวายในการรับรู้และแก้ไขข้อบกพร่องนั้นๆ ของพวกชนชั้นกรรมาชีพส่วนใหญ่ ซึ่งทำให้เขาเหล่านั้นจมลงสู่ความยากจน แล้วยิ่งขาดความรู้และอุปกรณ์ในการแก้ไข, จนกลายเป็น มรดกตกทอดแห่งความยากจนความไร้สมรรถภาพ
ทำไม ไม่มองชนชั้นกรรมาชีพแท้ๆ ที่สุจริต ที่ตั้งตัวขึ้นมาได้ เป็นผู้ “มีอันจะกิน” หรือร่ำรวยได้ในไม่กี่ปี, มัวแต่ไปมองกันในการยื้อแย่งทำลายคนมั่งมี ที่แม้เป็นคนดี ประกอบกรรมดีจนตั้งตัวเองได้ ในฐานะที่เป็นปรปักษ์ต่อชนชั้นกรรมาชีพไปเสียทั้งนั้น. ระวังเถิด จะกลายเป็น “หลับตาทำบาปหมู่” กันไปตั้งค่อนโลก. หรือว่าจะต้องการโลกที่ไร้ศีลธรรม, หรือมีศีลธรรมแบบไหน?
ยอมรับหรือไม่ ว่าสิ่งที่รู้จักได้ยากที่สุดในโลกนี้คือ ความหลงผิดของตัวเอง มันเข้าใจได้ยากยิ่งกว่าสิ่งที่เรียกกันว่า “พระเจ้า” หรือ “ความถูกต้องยุติธรรม” ไปเสียอีก นี้ทำให้คนหลงผิดในเรื่องศาสนา เป็นต้น
สิ่งที่เรียกว่า “อุดมคติแท้จริง” นั้นต้องเป็นสิ่งที่ทุกคนมองเห็นและยอมรับได้, แม้ว่า ขณะนี้จะยังทำตามนั้นไม่ได้, และต้องไม่มีใครเสียเลือดหรือเสียน้ำตา ก็ตาม และอุดมคติเช่นนี้ก็เป็นสิ่งที่มีได้จริง, และควรจัดไว้ในฐานะพระเป็นเจ้า

นายทุน
นายทุน คือวิญญาณของผู้เมาเนื้อหนังความสุขและเกียรติ ชนิดที่ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับเนื้อหนัง จนลืมไปในการที่จะมองว่า “มนุษย์ทุกคนล้วนแต่เป็นเพื่อน เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น”, แล้วก็ไม่ประสีประสาเสียเลยว่า การกอบโกยส่วนเกิน นั้นคือบาปเป็นเสนียดของโลกอันลึกซึ้ง.
นายทุน มีปัญญาแต่ในทางแสวงหาและหวงกั้น, จึงเกิดคอมมิวนิสต์ซึ่งต้องมีปัญญาแต่ในทางยื้อแย่งจนเกินกว่าเหตุ และด้วยอำนาจ ความอาฆาตที่เพิ่มขึ้นๆ ทำให้ไม่มีทางที่จะพูดจา ทำความเข้าใจกันได้โดยไม่รู้ตัว. มีแต่คิดจะทำลายกันท่าเดียว, โดยธรรมชาติที่แท้จริงแล้วไม่จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้นเลย. มนุษย์ก็จะอยู่กันเป็นผาสุกได้.
การอ้างเหตุผลว่าทำ “เพื่อสันติภาพของโลก” ที่ต่างฝ่ายต่างอ้างนั้น ฟังไม่ขึ้นทั้งสองฝ่าย, มีแต่จะครองโลกเพื่อ “ประโยชน์” ของตนๆ เท่านั้นเอง.
ถ้าถือหลัก “ธรรมิกกะ – สังคมนิยม” กันจริงๆ แล้ว จะหมดความเป็นนายทุนที่น่ารังเกียจ. หมดกษัตริย์ – ศักดินา – กฎุมพี ฯลฯ ที่น่ารังเกียจ มีแต่จะกลายเป็น มนุษย์ที่รักและช่วยเหลือกันสร้างโลกให้มีสันติภาพและงดงาม ที่เสมอหน้ากันจริงๆ.
ระบบนายทุน หรือระบบสังคมนิยมแก้แค้น หรือสังคมนิยมชนิดไหนที่กำลังพูดกันอยู่นั้น ไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤตกาลของโลกได้เลย. ระบบสังคมนิยม ที่มีธรรมเป็นวิญญาณ เท่านั้น ที่จะแก้ปัญหาได้, และถ้าใช้ชีวิตดำเนินงานอย่างเผด็จการก้จะยิ่งมีผลเร็วเข้า.
ระบบนี้เรียกว่า ระบบ “ธรรมิกสังคมนิยมเผด็จการ” ซึ่งท่านอาจจะคิดว่า ยังไม่เคยมีในโลกนี้ก็ได้, แต่มันก็ได้มีมาแล้วตั้งแต่พุทธกาล จนกระทั่งวานนี้ทีเดียว. คือระบบให้ธรรมเป็นผู้เผด็จการ, และทำโลกให้ประกอบด้วยธรรม.

ทั้งสองฝ่าย
คอมฯ ยังมิใช่ผู้ต่อสู้เพื่อสันติภาพอันแท้จริงของมนุษย์, เป็นแต่เพียงเพื่อ “ประโยชน์” ของกลุ่มชนที่บกพร่องในทางศีลธรรม ทางสติปัยญาความสามารถของตนเอง. แล้วไปมัวหาทางออก ด้วยการพาลพาโลพวกอื่นจนกระทั่งเกิดความอาฆาต และการแก้แค้นอย่างเลือดเข้าตา, จนมุ่งครองโลกเพื่อตน แล้วอ้าง “ยุติธรรม – จำเป็น” ขึ้นบังหน้า.
นายทุนและศักดินา ฯลฯ ทั้งหลาย ก็ยังมีใช่ผู้กระทำเพื่อสันติภาพของโลกโดยแท้จริงอยู่นั่นเอง, และแถมอาจจะยังไม่รู้จักว่าสันติภาพนั้นคืออะไรด้วยซ้ำไป, นอกจากว่า สันติภาพนั้นคือไม่มีใครขัดคอเราในการแสวงหาประโยชน์พูดกันไม่รู้เรื่อง, มุ่งแต่จะได้ครองโลก โดยระบบเศรษฐกิจตะพึดไป, ทำให้กลัวคอมมิวนิสต์อย่างทำอะไรไม่ถูก, จนไม่ต้องเห็นแก่ธรรม หรือศาสนาเสียเลย, ทั้งในการต่อต้านผู้อื่น หรือการพัฒนาตัวเองก็ตาม.
ประเทศเล็กๆ ก็ต้องกลายเป็นสุนัขรับใช้ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปตามความจำเป็นของตนๆ จนต้องรับเคราะห์กรรม แทนประเทศใหญ่ๆ เหล่านั้นอยู่ตลอดเวลา. นี้คือบาปอันใหญ่หลวงของโลกยุคปัจจุบันทั้งโลก.
สิ่งที่เรียกว่า “มนุษยธรรม” ที่เต็มไปด้วยศีลธรรมอันแท้จริง เท่านั้น ที่จะสามารถแก้ปัญหาวิกฤตกาลทั้งหลายได้, แต่ในขณะนี้ยังมองไม่เห็นว่า หนูตัวไหนที่จะเข้าไปห้ามหรือชี้แจงแก่แมว ที่กำลังทะเลาะกันอยู่ด้วยเรื่องนี้อย่างมุทะลุดุดัน, ให้แมวนั้นๆ รู้ว่า ศีลธรรมหรือศาสนานั้น คืออะไร มีแต่จะถูกแมวหาว่า อ้ายหนูขี้ขลาดนี้ เสนอเพื่อประโยชน์ของตนเอง, ไม่มีอะไรที่ควรรับฟัง.
มนุษยธรรมหรือศีลธรรม ก็ยังจำต้องเก็บไว้ในรูหนูต่อไปก่อน โลกยังต้องอาบไปด้วยเลือด ของบุคคลที่หลงผิดต่อดลกเองต่อไปก่อน, เพราะยังไม่ถึงเวลาของธรรมที่เป็นเสมือนไฟชำระบาป จะมาช่วยล้างจิตใจคน ให้สะอาดจากบาปนั่นเอง
99.        หากถามว่า
ถ้าศาสนาหรือคำสอนดีจริง เหตุใดโลกจึงยังคงเดือดร้อน ทุกข์ยากอยู่จนทุกวันนี้เล่า?
โลก เดือดร้อน ทุกข์ยาก ขัดข้องวุ่นวาย เพราะขาดผู้ปฏิบัติตามคำสอน.
คำสอน เพียงอย่างเดียว ยังช่วยอะไรใครไม่ได้นัก ต่อเมื่อมีผู้เห็นด้วย แล้วพากันทำตาม เมื่อนั้นคำสอนก็กลายเป็น “องค์พระธรรม” ซึ่งสามารถคุ้มครองผู้เห็นจริง เฝ้าฝึกหัดปฏิบัติตามได้จริงนั้น ให้เกิดสิ่งป้องกันคุ้มครองได้เสมือนเครื่องกันแดดฝนใหญ่ ที่ช่วยคุ้มกันฉันนั้น.
100.                    โอ้พระองค์ทรงเป็นพระอรหันต์
เพราะประหารกิเลสา – สวะหาย
เหตุแห่งทุกข์สลายลับไม่กลับกลาย
ทุกข์จึงวายดายไปไม่กลับคืน
         กิเลสวัฏฏ์ถูกขจัดทลายลง
วัฏฏ์ทั้งวงหักกระจายไม่อาจฝืน-
หมุนต่อไปจึงได้หยุด – เย็น – ยืน
ควรชมชื่นว่าท่านรอด : เป็นยอดคน
         ยอดมนุษย์สูงสุดด้วยคุณธรรม
อยู่เหนือกรรมเหนือเหตุและเหนือผล
ถึงความว่างห่างพ้นทั่วจากตัวตน

นิรมล นิรทุกข์ วิมุกติมวลฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

for ever

for ever