ตถตา

ตถตา

บทความที่ได้รับความนิยม

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

"โลกออนไลน์" อิสรภาพในเงือมมือของพระเจ้า

"อยู่ๆ วันนี้ก็คิดอยากเขียนบทความขึ้นมา หลังจากที่ได้ท่องเน็ตอยู่ในโลกออนไลน์เกือบเป็นอาทิตย์ ได้คุยกับคนที่ไม่รู้ว่าจะมีตัวตนจริงหรือไม่ก็ไม่อาจทราบได้ แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญหรอก เพราะสังคมเมืองทุกวันนี้เราก็เหมือนต่างคนต่างอยู่ไม่ค่อยได้สนใจกันและกันอยู่แล้ว บางทีคนที่คุยกันทางโลกออนไลน์อาจเป็นเพื่อนที่ใกล้ชิดได้กว่าคนในครอบครัวด้วยซ้ำไป"

เกริ่นเรื่องเหมือนนักสังคมศาสตร์หรือนักเทศนา แต่ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง
โลกออนไลน์นั้นต้องมีคำอธิบายใหม่ และยังไม่มีใครสามารถจำกัดความสังคมโลกออนไลน์ที่ไร้ขอบเขตนี้ได้ชัดเจน มันนอกเหนือกฎกติกาเดิม ซึ่งถูกฉีกทิ้งไปแม้แต่พระเจ้าก็ห้ามไม่ได้ แค่กดไลค์เป็นก็สามารถส่งความหมายถึงใครที่เราไม่รู้จักได้

เมื่อใครเข้ามาสู่เวทีนี้ คุณก็เหมือนมีอิสระเท่าๆ ที่คุณจะสร้างอิสระของตนเองได้ แต่อิสระนั้นก็จะหายไปพร้อมกับการกระทำของตัวคุณเองในโลกออนไลน์
อันนี้มันมีทั้งโลกจริงกับโลกเสมือนจริงอยู่ด้วยกัน บางขณะคุณติดต่อกับผู้คนในโลกออนไลน์เหมือนกับการพูดคุยกันอยู่ในสังคมปกติ แต่บางขณะคุณแสดงเป็นตัวละครในเกมส์ที่อยู่ในโลกเสมือนจริงแต่ไม่ใช่ความจริงของคุณ เช่นแซทรูมทั้งหลาย หรือนานาเว็บบอร์ด คุณไม่รู้ตัวเองหรอกว่าจะกระโจนลงไปและเปลี่ยนบทบาทตนเองตอนไหน มันขึ้นกับสถานการณ์ส่วนลึกพาคุณไป จนบางทีก็ห้ามตัวเองไม่ได้ทำให้หลายคนติดโลกออนไลน์กันงอมแงม โดยยังไม่ทันสังเกตตัวเองด้วยซ้ำ

แต่ที่สำคัญมันไม่ใช่เรื่องอันตรายจากอินเตอร์เน็ตมันเป็นเรื่องอันตรายจากจิตใจคุณต่างหาก หลายคนโทษเครื่องมือ โทษสังคมโทษสิ่งที่มากับโลกออนไลน์ ทำให้เกิดอย่างนั้นอย่างนี้ อันนี้ผมเห็นด้วยนะแต่เพียงบางส่วนเท่านั้น ถ้าเอากฎของธรรมชาติมาอธิบายที่ว่า “มันเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย” ไม่มีอะไรเกิดขึ้นลอยๆ ทุกเรื่องในโลกอินเตอร์เน็ตได้เชื่อมต่อทางจินตนาการและเหตุปัจจัยเข้าด้วยกันหมด ทำให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองเสมือนหนึ่งโลกที่ซ่อนอยู่หลังหน้าจอ แสดงการโต้ตอบทางอารมณ์ได้เกือบทุกกิจกรรม มันจึงเป็นสิ่งที่มากระตุ้นและตอบสนองผู้เล่นอย่างไม่มีขอบเขต นี่แหละคือพลังของโลกออนไลน์


ดังนั้น โลกออนไลน์ก็เหมือนกับสรรพสิ่งได้เชื่อมต่อเข้าไปในจิตใจของผู้เล่น อันประกอบด้วยความจริงทั้งรูปธรรมและนามธรรมตลอดเวลา ซึ่งเหมือนกับความจริงของชีวิตที่ประกอบไปด้วยทั้งสองอย่างนี้ คือ ด้านร่างกาย ด้านจิตใจ ด้านร่างกายก็เหมือนกายภาพทั่วไปที่จับต้องสัมผัสได้ ต้องกินต้องอยู่ ดำรงสัญาชาตญาณสัตว์โลก ส่วนจิตใจก็เหมือนสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เช่น ความรัก ความอบอุ่น ความเศร้า เหงา ความดีความงาม สารพัดอย่างที่ต้องการและสื่อสารกันในโลกออนไลน์นี้ แต่คงไม่มีใครเถียงว่ามันมีอีกส่วนหนึ่งคือ ปัญญา หรือ wisdom เกิดขึ้นในการเล่นเน็ตด้วย อันนี้มันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติของการเรียนรู้อยู่แล้ว เมื่อสิ่งนี้เติบโตขึ้น จะสามารถควบคุมความต้องการทางด้านร่างกาย จิตใจให้ถูกต้องเป็นไปตามธรรมชาติของมัน


โลกออนไลน์ได้ตอบโจทย์ของโลกแห่งจิตใจหรือจิตวิญาณที่ลึกซึ้งยากหยั่งถึง ถ้าใครเข้าถึงความจริงของโลกภายในจิตใจนี้ได้ก็จะไม่หวั่นไหวไปกับอะไรทั้งสิ้น มีความสงบ เย็น ไม่เหงา แต่จะอิ่มเอิบตลอดเวลา ในเวลาที่อยู่กับคนหมู่มากก็จะไม่วุ่นวายกังวล เวลาอยู่คนเดียวก็จะไม่หงอยเหงา อันนี้เป็นเรื่องที่ไม่ไกลตัวกับชีวิตจริงมันสะท้อนออกมาชัดเจนในโลกออนไลน์ว่าสิ่งที่เราต้องการมากๆ ไม่ใช่เรื่องกายภาพซึ่งหากินเสพกันได้ง่ายกราดเกลื่อน แต่ที่เราหากันไม่ได้เลยคือโลกความสุขทางด้านจิตใจจนต้องมาสมมติหลอกตัวเองในสังคมที่ไม่มีตัวตนนี้


ปัญหาของโลกออนไลน์ จึงเป็นแค่บางเสี่ยวของโลกแห่งชีวิตจริงเท่านั้น ไม่มีโลกออนไลน์ชีวิตจริงก็ยังต้องมีปัญหาแบบที่เป็นอยู่อย่างนี้เครื่องมือนี่เพียงแค่มาเร่งให้เร็วขึ้น แรงขึ้น และเห็นชัดขึ้นเท่านั้น ลองไปตรวจสอบสิ่งที่ตัวเองสมมติลงไปในอินเตอร์เน็ตก็จะเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของเราเอง ยิ่งเราหลอกตัวเองและห่างความเป็นตัวเองมากเท่าไหร่ เรายิ่งเห็นชัดเท่านั้น

จงอย่ากลัวความเป็นตัวตนของตัวเอง ไม่มีอะไรที่ผิด ไม่มีอะไรที่ถูก มันไม่มีกรอบในโลกออนไลน์ ขอให้ใช้โอกาสนี้เรียนรู้ตัวเอง ให้เข้าใจทุกด้านทั้งด้านมืดและสว่าง สิ่งที่ชอบและไม่ชอบเมื่อเข้าใจความเป็นตัวเรา ก็จะสามารถฝึกมันได้ ควบคุมมันได้ แล้วเราก็จะไม่ตกหลุมดำของจิตใจอีกต่อไป ความสุขใจสบายกายก็จะอยู่แค่ปลายจมูก จงเรียนรู้ให้สุดๆ และดูแลตัวเองนะครับ

ไพโรจน์ สิงบัน
๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๔

for ever

for ever